จากกรณีเกิดไฟไหม้รถบัสมรณะที่พานักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก อุทัยธานี ไปทัศนศึกษาวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระนครศรีอยุธยา แล้วมุ่งหน้าไปชมนิทรรศการที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่บางกรวย นนทบุรี จนกระทั่งเกิดเหตุแก๊สรั่วคลอกนักเรียนและครูสตรีเสียชีวิตอย่างอนาถ 23 ราย คารถเมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2567 บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้อนุสรณ์สถาน-เซียร์รังสิต
เหตุที่เป็นองค์ประกอบของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ประกอบด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตของเจ้าของรถโค้ชมรณะ ของบริษัทชินบุตรทัวร์ เพราะติดตั้งถังแก๊ส เอ็น.จี.วี มากหมายถึง 11 ถัง ทั้งที่ขออนุญาตจากกรมขนส่งทางบกเพียง 6 ถัง และติดตั้งผิดจากรูปแบบที่ปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด
ผู้เกี่ยวข้องรายต่อมาคือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัย และอนุญาตให้ผู้ประกอบการรถทัศนาจรมรณะใช้รถโดยสารไม่ประจำทางปรับอากาศรายนี้ นำรถฯ ที่อันตรายไปประกอบอาชีพ จนเกิดอันตรายต่อชีวิตของนักเรียน,ครู ซึ่งเป็นผู้โดยสารมาในยานพาหนะที่แสนจะอันตราย
มีคำถามจากสังคมว่าเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสภาพรรถโค้ชติดแอร์คันเกิดเหตุ และคันอื่นๆ ตามวาระโอกาสอันควรหรือไม่?….หรือ “ตรวจทิพย์!”
เพราะถ้าเจ้าหน้าที่เคร่งครัด ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และอาชีพรับราชการของตน ก็จะต้องพบความผิด ความผิดปกติ ความไม่ซื่อตรงของผู้ประกอบการ
ยิ่งหากมีหลักฐานว่าได้มีการตรวจสอบสภาพรถฯ แล้ว แสดงว่าต้องพบความผิดซึ่งจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของผู้โดยสาร แต่เหตุใดจึงไม่ลงโทษเจ้าของรถแล้วสั่งให้แก้ไขให้ถูกต้องปลอดภัย
พานให้ประชาชนพลเมืองเข้าใจไปว่า น่าจะเป็นเพราะมีการติดสินบน หรือยัดเยียดสินน้ำใจในอัตราที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ให้เจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ รวมทั้งระดับหัวหน้าองค์กร จึงสามารถนำรถโค้ชคันดังกล่าวที่จดทะเบียนใช้งานมากกว่า 50 ปี และดัดแปลงอย่างเสี่ยงต่ออันตราย มาใช้ประกอบอาชีพบนท้องถนนจนนำอันตรายสูงสุดมาสู่ผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการในที่สุด
หากสังคมไทยจะได้ยั้งคิด พิจารณา นำรถโดยสารนักเรียนแบบอเมริกา คันยาวใหญ่สีเหลืองสดใส ซึ่งเปี่ยมความปลอดภัยในทุกตารางนิ้วและในทุกนาทีที่ใช้บริการมาใช้ในเมืองไทย เพื่อความปลอดภัยของลูกหลาน ซึ่งมีพนักงานขับรถยนต์ที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ทั้งในด้านการขับขี่ยวดยาน การช่วยชีวิตผู้ประสบอุบัติภัยบนท้องถนน
แม้จะไม่หรูหราฟู่ฟ่าเหมือนรถทัวร์ของเมืองไทย แต่มีความปลอดภัยสำหรับกุลบุตร กุลธิดาที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ ผู้ปกครอง
แต่คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลแต่ละยุคสมัยไม่เคยสนใจจะคิดแก้ไขเพราะเป็นประเด็นที่ไม่อำนวยประโยชน์ทางด้านการเงินหรือเปอร์เซ็นต์ให้กับพรรคการเมือง!….กระมัง?
บก.