สังคมไทยในทุกวันนี้มีปัญหาด้านจริยธรรมในหมู่ชนอย่างแจ้งชัด
การอบรมสั่งสอนนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา น่าจะไร้ผล เพราะเยาวชนที่เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ในสังคมไทยในทุกวันนี้ แทบจะไม่รู้จักคำว่า “ซื่อสัตย์,สุจริต”
พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในสังคมส่วนหนึ่งซึ่งมีจำนวนมากจนน่ากลัวมีความประพฤติที่ห่างไกลคำว่า “ซื่อสัตย์,สุจริต”
เป็นที่น่าสงสัยว่าหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ชั้นประถมฯ และชั้นมัธยมฯ ได้เน้นให้นักเรียนตระหนักถึงความซื่อสัตย์สุจริตมากน้อยเพียงใด
อยากถามว่า “มีเนื้อหาในหลักสูตรที่สอนให้นักเรียนรู้จักคำว่าซื่อสัตย์สุจริต” หรือไม่?
เพราะข่าวคราว เรื่องราวที่ปรากฏทางสังคมในยุคนี้ เป็นเรื่องราวของบุคคลที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อครอบครัว ต่อองค์กร สถานที่ทำงาน และต่อสังคมที่ปรากฏอยู่เนืองๆ
ความเจริญทางวัตถุที่ทำให้ความเจริญทางจิตใจเสื่อมทรามลงดำเนินติดต่อกันมาอย่างเป็นนัยที่สังเกตได้โดยชัดแจ้ง
ประกอบกับสังคมโลกปัจจุบันที่เรียกว่ายุคโลกาภิวัตน์ เป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายไปทั่วโลกได้ในพริบตา ทำให้เรื่องราวข่าวคราวทั้งที่ดีงามและต่ำทราม แพร่สะพัดสู่สังคมได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว โดยไม่สามารถขัดขวางหรือหยุดยั้งได้
และเมื่อข่าวสารของความทุจริตคิดคดที่สามารถทำให้ผู้ประพฤติชั่วร่ำรวยทันตาเห็นในทำนอง
“ทำดีได้ดี มีที่ไหน? ทำชั่วได้ดี มีถมไป!”
ก็สามารถตอกย้ำและกดข่มความดีงามตามแนวพระพุทธศาสนาที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เลือนหายไปจากความทรงจำของมวลมหาประชาชนได้อย่างง่ายดายแทบไม่น่าเชื่อ
กรณีที่จะวาดหวังให้พระพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ ได้เป็นหลักในการกล่อมเกลาผู้คนให้มีจิตใจสะอาด รังเกียจความฉ้อฉล ความคดโกง ความไม่ซื่อสัตย์ ความทุจริตนั้น เป็นความหวังความฝันที่แทบจะไม่มีวันเป็นความจริงได้ในทุกวันนี้
มิหนำซ้ำบรรดาสาวกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกมากมายกลับเป็นผู้ทุศีล เป็นเดียรถีย์ เป็นอลัชชี เป็นนักบวชที่กระทำความชั่วความเลวทรามต่ำช้ายิ่งกว่าฆราวาสผู้มีเพียงศีลไม่ครบ 5 ข้อด้วยซ้ำ
“ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ”
บก.