21.9 C
Nakhon Sawan
วันเสาร์, ธันวาคม 21, 2024
spot_img

การวิวัฒนาการของกฎหมายไทย (ย่อ)

การวิวัฒนาการของกฎหมายไทยนั้น กฎหมายถือว่าเป็นสิ่งสำคัญของการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม โดยเฉพาะสังคมของมนุษย์ มิให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน การทำร้ายกดขี่ข่มเหงรังแกซึ่งกันและกัน การศึกษาเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของกฎหมายอาจทำให้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้น และเข้าใจการวิวัฒนาการของพฤติกรรมมนุษย์และความเป็นธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้น เนื่องจากกฎหมายส่วนมากจะเคลื่อนไหวหรือวิวัฒนาการตามหลังพฤติกรรมของมนุษย์เสมอ ทำให้เกิดการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหรือบัญญัติกฎหมายขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามการบัญญัติกฎหมายในสมัยปัจจุบันจะถูกควบคุมโดยอำนาจทางการเมือง นั่นหมายความว่าอาจมีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการบัญญัติกฎหมายเสมอ ซึ่งมิใช่การบัญญัติกฎหมายบริสุทธิ์เหมือนอดีต จึงทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ การวิวัฒนาการของกฎหมายไทย (ย่อ) มีลำดับดังต่อไปนี้

  1. สมัยก่อนสุโขทัย จีนและอินเดียต่างถือได้ว่าเป็นแหล่งอารยธรรมที่สำคัญของโลกตะวันออก มีอิทธิพลครอบคลุมไปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกและเอเชียอาคเนย์ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี ปรัชญา ความเชื่อในศาสนา ตลอดจนแนวคิดเรื่องกฎหมาย จึงได้รับอิทธิพลมาจากจีนและอินเดีย จากประวัติศาสตร์พบว่า จีนและอินเดียก็ได้รับอิทธิพลแนวความคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนจากทางตะวันตกเช่นกัน มีสาระสำคัญดังนี้ (อุดมศักดิ์ สินธิพงษ์: 2561)

1) อารยธรรมจีน คนจีนมีความเชื่อในเรื่องของวิญญาณและเทพเจ้าต่างๆ ปรากฏให้เห็นคำสอนและปรัชญาของจีน เช่น ลัทธิขงจื๊อและลัทธิเต๋า มีความเชื่อ 3 ประการคือ ความเชื่อในเรื่องธรรมชาติ ความเชื่อในเรื่องสวรรค์ การเคารพบูชาบรรพบุรุษ (1) หลักการจัดระเบียบสังคมของขงจื๊อว่า “ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมจะมีอยู่ได้ ถ้าหากทุกคนในสังคมรู้จักหน้าที่ของตนเอง ถ้าสังคมดี ประเทศชาติซึ่งเป็นหน่วยใหญ่ของสังคมก็จะมีความสุขไปด้วย” และ (2) หลักการจัดระเบียบสังคมของเล่าจื๊อว่า “สรรพสิ่งทั้งปวงล้วนกำเนิดมาจากเต๋า เต๋าจึงเป็นจุดเริ่มต้นของจักรภพ เป็นสิ่งว่างเปล่า สามารถใช้ได้อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น สิ่งที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ ย่อมดีกว่าระเบียบข้อบังคับในสังคมที่มนุษย์สร้างขึ้น

2) อารยธรรมอินเดีย คนพื้นเมืองของชาวอินเดีย มีความเชื่อและนับถือโลกธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เชื่อว่าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสิ่งที่ตนนับถือ วิญญาณเหล่านี้มีสถานะเป็นเทพเจ้า สามารถให้คุณให้โทษแก่มนุษย์ได้ หลักคำสอนในพุทธศาสนาในอินเดีย (1) ความเสมอภาคมนุษย์ทุกคนไม่ว่าวรรณะใด เท่าเทียมกันและเสมอภาคกัน คือ เกิด แก่ เจ็บ และตาย เหมือนกันทุกคน (2) ความไม่เบียดเบียนกัน “พุทธศาสนิกชนพึงละเว้นจากการฆ่าและการเบียดเบียนชีวิตของผู้อื่น” (3) ความเมตตา การให้ทาน การแบ่งปันทรัพย์สิน การให้อภัย การเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นต้น

  1. สมัยสุโขทัย มีกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ 4 หลัก ดังนี้ (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: 2011)

1) หลักปิตุราชา มาตาธิปไตย ปิตาธิปไตย (Paternalism) ได้นำระบอบ “พ่อปกครองลูก” ซึ่งผู้ปกครองเป็นเสมือน “พ่อ” และประชาชนเปรียบเสมือน “ลูก” เป็นแนวคิดมาจากโลกตะวันตก โดยเฉพาะในโลกที่ใช้ภาษาอังกฤษ ได้ถูกนำมาใช้สร้างความชอบธรรมให้แก่อำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นเพราะพระองค์ได้สืบทอดสิทธิอำนาจจากอดัมที่เป็นมนุษย์ผู้ชายคนแรกที่ทำหน้าที่ปกครอง (Filmer, Robert: 1991)

2) ศิลาจารึกสมัยพ่อขุนรามคำแหง กฎหมายสี่บท ได้แก่ (1) บทเรื่องมรดก (2) บทเรื่องที่ดิน (3) บทวิธีพิจารณาความ (4) บทลักษณะฎีกา

3) คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ เป็นตำราภาษาสันสกฤต Puranic Smriti เกี่ยวกับกฎหมายและความประพฤติ และอ้างถึงบทความ (ศาล) และธรรมะ ถือกำเนิดจากประเพณีวรรณกรรมของพระเวทที่แต่งขึ้นในช่วงสหัสวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาลจนถึงศตวรรษแรกๆ ของสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล พระเวทแต่ละเล่มยังแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ (1) สัมหิตา เป็นชุดบทมนต์ และ (2) พราหมณ์ เป็นตำราร้อยแก้วที่อธิบายความหมายของบทสัมหิตา (Patrick Olivelle, 1999) เป็นต้น ต่อมาได้ขยายอิทธิพลมาเป็นประเพณีของชาวอินเดีย ถือกันว่าสากลพิภพอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติคือธรรม กษัตริย์อินเดียต้องศึกษาธรรมศาสตร์แล้วตัดสินคดีไปตามหลักในธรรมศาสตร์นั้น (เอ.บี กริสโวลต์ และประเสริฐ ณ นคร, 2514)

4) มังรายศาสตร์ เป็นกฎหมายของพระเจ้ามังราย (หรือเม็งราย) กษัตริย์ไทยล้านนาเรียกอีกชื่อว่า “วินิจฉัยมังราย” หมายถึง การตัดสินหรือพิพากษาของพระเจ้ามังรายโดยการนำกฎในพระธรรมศาสตร์มาใช้ให้เข้ากับรูปคดี (น้อมนิจ วงศ์สุทธิธรรม, 2533)

  1. สมัยกรุงศรีอยุธยา มีกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ 4 หลัก ดังนี้ (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: 2011)

1) คัมภีร์พระธรรมศาสตร์ ได้นำหลักพระธรรมศาสตร์สมัยสุโขทัยมาใช้ในการตัดสินคดีความ

2) พระราชกำหนดบทพระอัยการ ตราขึ้นในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) พ.ศ. 1895 ได้ถูกยกเลิกใน ปี พ.ศ. 2451 เมื่อใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 รวมเวลาที่ใช้ถึง 556 ปี ส่วนใหญ่เป็นบทลงโทษข้าราชการที่ทุจริต ประพฤติมิชอบหรือใช้อำนาจในทางมิชอบ ห้ามหญิงไทยแต่งงานกับต่างด้าว ห้ามค้ากำไรเกินควร การเก็บภาษี เป็นต้น (สุเมธ จานประดับ และคณะ, 2550)

3) พระราชวินิจฉัย เป็นคำวินิจฉัยหรือการวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชวินิจฉัยในรัชกาลที่ 4 คติไทยเราก็เป็นสวรรค์เพราะมีน้ำทิพย์และอาหารทิพย์ ว่า “วาจาของคนบางพวกพูดกันว่า เมืองลาวเหมือนเมืองสวรรค์ ทั้งหญิงทั้งชาย ตั้งแต่บ่ายจนดึกมีแต่สนุก ร้องรำทำเพลงรื่นเริงอยู่เป็นนิตย์ อีกพวกหนึ่งนักเลงพูดกันว่า ต้องการอะไรที่จะทำบุญไปสวรรค์ เมืองไทยของเราก็เป็นสวรรค์อยู่แล้ว เพราะมีน้ำทิพย์ คือเหล้ากิน เพราะมีอาหารทิพย์ คือฝิ่นสูบสบายดี แลมีต้นกัลปพฤกษ์ คือบ่อนโป เป็นที่สำราญรื่นชื่นบานได้ลาภผล รายอยู่รอบบ้านรอบเมือง ทั้งทางบกทางเรือ คำนักเลงพูดอย่างนี้นั้นไม่เห็นด้วย ถ้าเมืองไทยเมืองลาวเป็นเมืองสวรรค์ ก็สวรรค์วิมานรุงรังนัก ไฟไหม้วิมานฉิบหายบ่อยๆ” (SILPA-MAG, 2560) เป็นต้น

4) กฎหมายศักดินา เป็นระบบกำหนดชนชั้นทางสังคม คือกำหนดสิทธิในการถือครองที่นาสูงสุด ตลอดจนสิทธิและหน้าที่ตามจำนวนที่ดินด้วย ทำนองเดียวกับระบบเจ้าขุนมูลนาย (feudalism) ของทวีปยุโรป สันนิษฐานว่าปรากฏขึ้นครั้งแรกในสมัยอาณาจักรสุโขทัย เพราะมีการปรับไหมตามศักดิ์ (จิตร ภูมิศักดิ์, 2550)

  1. สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญ 8 หลัก ดังนี้ (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่: 2011)

1) กฎหมายตราสามดวง คือ ตราพระราชสีห์ เป็นตราของกระทรวงมหาดไทย, ตราคชสีห์ เป็นของพระทรวงกลาโหม, และ ตราบัวแก้ว เป็นตราของคลัง

2) กฎหมายการห้ามสูบฝิ่นและการซื้อฝิ่น

3) กฎหมายลักษณะโจรห้าเส้น

4) แก้ไขกฎหมายตราสามดวง และ พ.ร.บ.ผัวขายเมีย ไทยเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต

5) ประเทศไทยนำกฎหมายตะวันตกมาบังคับใช้ ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ (1) ปัญหาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต (2) ความไม่เหมาะสมของกฎหมายไทยเดิม

6) ความคิดด้านกฎหมายมหาชน ได้แก่ หลักสากลทฤษฎีการแบ่งแยกอำนาจ บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ ซึ่งประเทศไทยใช้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

7) ทศพิศราชธรรม “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ด้วยธรรม 10 ประการของพระราชา คือ ทาน ศีล บริจาค ความซื่อตรง ความอ่อนโยน ความเพียร ความไม่โกรธ ความไม่เบียดเบียน ความอดทน และความเที่ยงธรรม

8) การใช้ระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร (Civil law) การปฏิรูปกฎหมายและศาล การออกกฎหมายยกเลิกทาสกฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2451) ร่างประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ กฎหมายอาญา กฎหมายวิธีพิจารณาความ

  1. สมัยรัตนโกสินทร์หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475

1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 2478

2) ประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นๆ

3) กฎหมายแรงงาน กฎหมายประกันสังคม กฎหมายคุ้มครองเด็ก กฎหมายผู้สูงอายุ เป็นต้น

แสดงให้เห็นว่าการวิวัฒนาการของกฎหมายไทย ได้สืบทอดกันจนถึงปัจจุบันใช้เวลาในการพัฒนากว่า 4,000 ปี กฎหมายจะถูกขับเคลื่อนด้วยพฤติกรรมของมนุษย์ประกอบกับอำนาจของพระมหากษัตริย์หรืออำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นยุคใดสมัยใดสามารถสังเกตได้ว่า “กฎหมายจะนำมาใช้สร้างความชอบธรรมให้แก่อำนาจ” แต่ในสังคมปัจจุบัน “กฎหมายจะนำมาใช้สร้างความชอบธรรมในการแสวงหาผลประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจ” ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับกฎหมายบริสุทธิ์ควรมีการฟื้นฟูและพัฒนา เพื่อลิดรอนการใช้กฎหมายสร้างความชอบธรรมให้แก่อำนาจหรือแสวงหาผลประโยชน์ของผู้ใช้อำนาจ สวัสดีครับ

 

ผศ.ปองปรีดา ทองมาดี

ประธานหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด