COSO หรือ Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission เป็นองค์กรที่พัฒนามาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง ซึ่งรวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับ ความเสี่ยง ที่องค์กรต้องเผชิญ
ความเสี่ยงคืออะไร..ตามแนวคิดของ COSO ความเสี่ยง หมายถึง เหตุการณ์ ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายขององค์กร ทั้งในแง่บวก (โอกาส) และแง่ลบ (ภัยคุกคาม) ความเสี่ยงสามารถเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายในและภายนอกองค์กร เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ การแข่งขัน เทคโนโลยี ภัยธรรมชาติ และอื่นๆ
COSO แบ่งความเสี่ยงออกเป็นหลายประเภท แต่โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก ได้แก่
- ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์ (Strategic Risk): เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น การเลือกตลาดผิด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลว
- ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risk): เกี่ยวข้องกับกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร เช่น ความผิดพลาดของมนุษย์ ความล้มเหลวของระบบเทคโนโลยี ภัยธรรมชาติ
- ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk): เกี่ยวข้องกับความผันผวนของตลาดการเงิน เช่น อัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์
- ความเสี่ยงด้านกฎหมาย (Legal Risk): เกี่ยวข้องกับการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ ซึ่งอาจถูกดำเนินคดีและเสียหายทางการเงิน
ความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงตาม COSO
การบริหารความเสี่ยงตามแนวคิดของ COSO มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์กร เนื่องจากช่วยให้องค์กรสามารถ:
- ระบุและประเมินความเสี่ยง: ช่วยให้องค์กรเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้
- วางแผนการตอบสนองความเสี่ยง: ช่วยให้องค์กรวางแผนการตอบสนองความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การหลีกเลี่ยง การถ่ายโอน การลด หรือการรับความเสี่ยง
- เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน: ช่วยให้องค์กรลดความสูญเสียจากความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการบรรลุเป้าหมาย
- สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และหน่วยงานกำกับดูแล
การนำแนวคิดเรื่องความเสี่ยงของ COSO มาปรับใช้กับธุรกิจหรืององค์การในปัจจุบัน
แนวคิดเรื่องความเสี่ยงของ COSO (Committee of Sponsoring Organizations of the Treadway Commission) นั้นเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับองค์กรในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งมีความซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การนำแนวคิดของ COSO มาปรับใช้จะช่วยให้องค์กรสามารถระบุ ป้องกัน และตอบสนองต่อความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เหตุผลที่ควรนำแนวคิด COSO มาปรับใช้
- เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน: การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และสามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้
- ลดความเสี่ยงในการสูญเสีย: การระบุและประเมินความเสี่ยงล่วงหน้า ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและดำเนินมาตรการป้องกันเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- เพิ่มความน่าเชื่อถือ: การมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่เข้มแข็ง จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงาน และหน่วยงานกำกับดูแล
- การปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับ: การบริหารความเสี่ยงช่วยให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องได้อย่างครบถ้วน
- การปรับปรุงการตัดสินใจ: ข้อมูลที่ได้จากการประเมินความเสี่ยง จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วิธีการนำแนวคิด COSO มาปรับใช้
- สร้างความเข้าใจ: ทำให้พนักงานทุกระดับในองค์กรเข้าใจถึงแนวคิดและหลักการของ COSO รวมถึงความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง
- ระบุความเสี่ยง: ทำการระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กร ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น ความเสี่ยงทางธุรกิจ ความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี และความเสี่ยงด้านกฎหมาย
- ประเมินความเสี่ยง: ประเมินความรุนแรงและความน่าจะเป็นของความเสี่ยงแต่ละประเภท เพื่อจัดลำดับความสำคัญในการจัดการ
- วางแผนการตอบสนอง: วางแผนการตอบสนองความเสี่ยงที่เหมาะสม เช่น การหลีกเลี่ยง การถ่ายโอน การลด หรือการรับความเสี่ยง
- ติดตามและประเมินผล: ติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของแผนการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงแผนให้มีความเหมาะสมอยู่เสมอ
ที่มา : https://gemini.google.com/app/63550910fbdf6db6?hl=th
โดย อาจารย์ปานทิพย์ แสนสง
ประธานหลักสูตรบัญชีบัณฑิต คณะบริหารและการจัดการมหาวิทยาลัยเจ้าพระยา