asd
32.1 C
Nakhon Sawan
วันพฤหัสบดี, กันยายน 19, 2024
spot_img

เจาะลึกพฤติกรรมของแต่ละ Generation เพื่อทันทุกเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลง

ใครที่อยู่ช่วงวัยสูงอายุ วัยทำงาน หรือ วัยเรียน หรือใครกำลังจะสร้างธุรกิจ หรือขยายธุรกิจในช่วงปี 2024 นี้ ลองมาดู พฤติกรรมผู้บริโภค เปลี่ยนไปเพราะผลกระทบรุนแรงจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 หรือสถานการณ์ของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่า พฤติกรรมผู้บริโภค มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะถ้าคุณไม่สามารถจับใจผู้บริโภคได้ ยอดขายของคุณก็ไม่กระเตื้องแน่นอน

ดังนั้นเรามาดูข้อมูลเจาะเทรนด์โลกกันดีกว่า ว่าผู้คนในแต่ละช่วงวัยหรือ Generation ต่างๆ จะมีแนวโน้มพฤติกรรมอย่างไรในปี 2024  เพื่อเจาะลึกพฤติกรรมของแต่ละ Generation เพื่อทันทุกเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลง และจะได้ตอบโจทย์การพัฒนาธุรกิจ เรามาเริ่มกันที่ Generation Baby Boomer (2489-2507)

กลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุระหว่าง 59-77 ปี ถ้าจะให้พูดง่ายๆ ก็เป็นวัยคุณตาคุณยายมีลูกมีหลาน เป็นวัยที่กำลังเกษียณหรือเกษียณไปแล้ว เป็นรุ่นที่เกิดหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง (World War II) ยุติลง ซึ่งเป็นยุคที่ประเทศชาติบ้านเมืองกำลังฟื้นฟูต้องการแรงงานคน ทำให้คนสมัยนั้นนิยมมีลูกกันค่อนข้างเยอะเป็นที่มาของชื่อ Baby Boomer  ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภค ของ Baby Boomer   หันมาค้นหาความหมายที่แท้จริงของชีวิต ให้ความสำคัญกับเวลาพักผ่อน การเล่นโซเชียลมีเดีย และการพบปะเข้าสังคมมากขึ้นยึดติดในกิจกรรมและไลฟ์สไตล์เดิมๆ และเลือกงานในรูปแบบชั่วคราวที่รับจ้างระยะสั้น (Gig Worker หรือ Gig Economic) เพื่อนำเวลาว่างไปเข้าสังคมบนโซเชียลมีเดีย

ชอบการเรียนรู้สถานการณ์ที่ใช้เวลาร่วมกับ Gen อื่น เพื่อเท่าทันคนรุ่นใหม่ อยากออกไปพบปะสังสรรค์ ท่องเที่ยวกับเพื่อนฝูง มากกว่าถูกกำหนดขอบเขตการใช้ชีวิตโดยลูกหลาน  ถึงแม้จะเผชิญกับวิกฤตแต่ไลฟ์สไตล์หลายอย่างยังเหมือนเดิม เช่น เน้นเรื่องความแข็งแรงและการมีสุขภาพดี ให้ความสำคัญเรื่องการใช้เวลากับครอบครัว เน้นการใช้เวลาอยู่บ้าน เบบี้บูมเมอร์ท่องโลกโซเชียลมีเดียสูงขึ้น เพื่อลดความโดดเดี่ยว ชื่นชอบการแชร์ข้อมูลให้เพื่อนๆ พฤติกรรมตรงนี้เป็นโอกาสของแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ สุขภาวะ และแฟชั่น โดยอัปเดตข่าวสารจากแพลตฟอร์ม Facebook, TikTok  และ YouTube เป็นหลัก

หลังหมดการแพร่ระบาดของโรคแล้ว นักช้อปสูงวัยก็ยังชอบใช้บริการสั่งของจากร้านค้าออนไลน์ถึง 90% อยู่ เพราะว่าช้อปปิ้งออนไลน์ตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้กลุ่มคนเหล่านี้ แถมเป็นโอกาสของแบรนด์ที่มีช่องทางออนไลน์หาทางจับใจเหล่าเบบี้บูมเมอร์ให้อยู่หมัด ต่อที่ยุค Gen X (2508-2523)

กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 43-58 ปี เป็นกลุ่มคนที่เกิดมาในยุคแห่งความมั่งคั่งกำลังขยายไปทั่วโลก มีการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจสูง และอัตราการเกิดลดลงเพราะคนไม่นิยมมีลูกมาก พฤติกรรมผู้บริโภค ของ Gen X ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายและการประหยัด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้เหล่าเจนเอ็กซ์รู้สึกเครียดเรื่องการใช้เงินมากขึ้นเป็นกำลังหลักของครอบครัว ทำให้มีความกังวลต่อเจนอื่นๆ เช่น การดูแลผู้สูงอายุ (Baby Boomer) และการดูแลลูกหลาน (Gen Z) เรียกได้ว่ามีความกังวลมากกว่า เจนอื่นๆ อยู่พอสมควร

เจนนี้เริ่มหันมาใช้ประโยชน์จากเครื่องมือดิจิทัลอย่าง TikTok เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนในครอบครัวและแบรนด์สินค้ามากขึ้น  เป็นเจนที่เติบโตด้วยการพึ่งพาตัวเอง จัดการตารางชีวิตให้มีประสิทธิภาพ ควบคุมค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ร้านไหนมีของสมนาคุณหรือการ์ดสะสมคะแนน เจนเอ็กซ์ไม่พลาดเจนนี้มีความตั้งใจมองหาแบรนด์ระดับพรีเมียมที่มีคุณภาพสูงและมีคุณค่ากว่าแบรนด์ที่ใช้ประจำอยู่เสมอ ต้องการจัดทริปแบบรียูเนียนกับเหล่าเพื่อนฝูงและครอบครัว

เนื่องจากเจนนี้ต้องการเติมเต็มเป้าหมายของตนเองหลังเจอสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้หายไป 2 ปี ต่อมาคือยุคMillennials หรือ Gen Y (2524-2538) กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 28-42 ปี สามารถเรียกได้ว่า Millennials และ Gen Y เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในยุคของการพัฒนาเทคโนโลยี เข้าถึงโลกออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว พฤติกรรมผู้บริโภค ของ Gen Y ถึงแม้โรคระบาดจะหมดไป แต่เจนวายยังคงยึดหลักการใช้ชีวิตแบบ Work-Life Balance หันมาใส่ใจสุขภาพร่างกายและจิตใจ โดยให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมที่อยู่ อาหารการกิน ไปจนถึงโปรแกรมการใช้ชีวิตอย่างสม่ำเสมอ

เป็นเจนที่กลัววันอาทิตย์ (Sunday Scaries) เนื่องจากกังวลว่าจะใช้วันหยุดไม่คุ้มค่า จึงชอบวางแผนการท่องเที่ยวในระยะยาวแทน ติดโซเชียลแต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้น จึงใช้วันหยุดไปกับกิจกรรมกลางแจ้ง ตั้งแคมป์ ไปคาเฟ่ ชอบเครื่องดื่มใหม่ๆ ดำน้ำ โชว์ไลฟ์สไตล์หรูหราบนสื่อโซเชียล และชอบอัปเดตเทรนด์ในโลกออนไลน์เสมอ เป็นเป้าหมายหลักของธุรกิจร้านกาแฟ ชานมไข่มุก และร้านเครื่องดื่มอื่นๆให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะมีอาการเครียดสะสมตลอดเวลา จึงมองหากิจกรรมที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับการทำงานและชีวิต ซึ่งในปัจจุบันคนเจนนี้ก็เริ่มหันมาดื่มเครื่องดื่มแบบ Non-Alcohol มากขึ้นถึง 40% เพราะอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างแท้จริงเหล่ากลุ่มเจนวายคาดหวังให้องค์กรมีการพัฒนาเทคโนโลยีการทำงานให้ทันสมัย เพื่อให้การทำงานออกมามีประสิทธิภาพและใช้เวลาน้อยลง แบรนด์ที่มีเป้าหมายเป็นเจนนี้ควรมีจุดยืนความจริงใจ และความซื่อสัตย์ต่อกลุ่มลูกค้าอย่างชัดเจน

ยุคสุดท้ายคือ Gen Z (2539-2554) กลุ่มที่มีอายุระหว่าง 12-27 ปี เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีรุ่งเรือง ทำให้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นดิจิทัล กลุ่มคนเหล่านี้จึงถนัดการดำเนินชีวิตในสังคมดิจิทัล พฤติกรรมผู้บริโภค ของ Gen Z ชื่นชอบการสร้างรายได้จากโซเชียลมีเดีย มากกว่าการหาทักษะระยะยาวในการทำงานจากการเรียนต่อมหาวิทยาลัย เพราะต้องการสั่งสมประสบการ์ณจริง พร้อมแสดงความคิดเห็นหรือลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม ไม่จมอยู่กับการวิจารณ์ผ่านหน้าจออย่างเดียว แต่พร้อมลงมือทำจริง ยกให้เป็น “เจนแห่งความหวัง” คอนเทนต์ไวรัลหรือที่เป็นกระแสมักมาจากเจนซี ทำให้เป็นเจนที่มีส่วนสำคัญในการขึ้นเทรนด์บนโลกโซเชียลมีเดีย นอกจากนี้ยังสามารถกระจายคอนเทนต์ได้เร็วด้วยแพลตฟอร์มใหม่ๆ เพราะเปิดรับสิ่งใหม่ได้ง่ายกว่ามิลเลนเนียล

กลุ่มเจนซีนิยมชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง และมักหาคำตอบจากแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นหลัก โดยใช้ Google ถึง 70% และรองลงมาเป็น TikTok   ไม่ยึดติดกับงานสาขาใดสาขาหนึ่ง จึงชอบที่จะเรียนรู้ทักษะอาชีพหลายๆด้าน เพื่อค้นหาตัวเองไปในตัวสนใจในแบรนด์ที่แตกต่าง ซึ่งจะเลือกซื้อจากแบรนด์ที่มีจริยธรรมการค้าขาย ความเป็นธรรมกับคนทุกกลุ่ม ดังนั้นภาพลักษณ์ของแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในการตัดสินใจเลือกซื้อ ให้ความสำคัญกับ Safe Zone อย่างห้องนอนต้องมีการแต่งห้องให้สวยคุมโทน มีดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างยุค 90s ถึง 2000 เพื่อตอบโจทย์การโพสต์ภาพลงบนโซเชียลมีเดีย

ในแต่ละ Generation ก็มีพฤติกรรมแตกต่างกันออกไปนะคะ เจนแรก คือ Baby Boomer ถ้าวิเคราะห์จากเทรนด์ปี 2566 แล้ว นี่ถือว่าเป็นโอกาสของร้านค้าออนไลน์ หรือธุรกิจออนไลน์ ในการขยายฐานกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มผู้สูงวัยมากขึ้น โดยเฉพาะแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และแฟชั่นห้ามพลาดฐานลูกค้ากลุ่มนี้เด็ดขาด เพราะเป็นวัยที่มีกำลังในการจับจ่ายมากกว่าเจนอื่นๆ มีความมั่นคง และด้วยการที่เข้าถึงออนไลน์มากขึ้นก็ยิ่งทำให้มีโอกาสซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน

แนะนำว่าต้องหากลยุทธ์การตลาดที่จับใจกลุ่ม Baby Boomer ให้ได้ เจนที่ 2 Gen X เนื่องจากเป็นเจนที่ค่อนข้างมีความกังวล ความเครียด ถือเป็นโอกาสของแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อาหารเสริม วิตามิน นอกจากนี้ถ้าแบรนด์ไหนมีกลยุทธ์ใช้การสะสมแต้มแลกของ มีระบบ Membership ก็ถือว่าสามารถดึงดูดคนกลุ่มนี้ได้ดี นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการหันมาใส่ใจความต้องการของตัวเองผ่านการพักผ่อนจากการไปเที่ยวมากขึ้น เจนที่ 3 เจน Millennials หรือ Gen Y ด้วยพฤติกรรมของเจนวาย ถือเป็นโอกาสของแบรนด์ สินค้าเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่ม Non-Alcohol สินค้าที่โชว์ไลฟสไตล์ หรือเฟอร์นิเจอร์สไตล์  มินิมอลที่มีความคุมโทนก็ตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้ และที่สำคัญด้วยความที่เป็นเจนที่เชื่อในการขับเคลื่อนสังคม ดังนั้นแบรนด์ควรจะมีจุดยืนที่ชัดเจนด้านสังคมเช่นกัน  และเจนสุดท้าย Gen Z เจนซีจะมีความคล้ายกับเจนวายอยู่หลายด้าน แต่เจนนี้จะมีความเป็นครีเอเตอร์อยู่สูง และชื่นชอบการสร้างรายได้บนโลกโซเชียลมีเดีย ดังนั้นแบรนด์ควรใส่ใจกลุ่มลูกค้าเจนนี้ เพราะเจนซีจะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น หรือก็คือสร้าง Brand Awareness ได้ เนื่องจากมีคนที่เป็น Influencer ค่อนข้างเยอะ ซึ่งมีการใช้แพลตฟอร์ม Google และ TikTok เป็นหลัก หากอยากเข้าถึงกลุ่มคนเจนนี้ก็สามารถใช้ช่องทางดังกล่าวในการเป็นโปรโมตแบรนด์

สรุปแล้วแต่ละเจน แต่ละวัย ก็มีความแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ ผลกระทบจากโรคระบาดส่งผลอย่างหนักต่อพฤติกรรมผู้บริโภคทั้ง Baby Boomer หันมาช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น Gen X ที่แบกรับความเครียดเพราะอยู่กึ่งกลางระหว่างเจนอื่นๆ Gen Y ผู้เป็นนักสู้ลงมือทำจริง ขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า Gen Z คนรุ่นใหม่ไม่หยุดนิ่ง นักครีเอทคอนเทนต์สร้างกระแสเทรนต่างๆ ได้ดี และสุดท้าย Gen Alpha กลุ่มคนที่เป็นอนาคตของโลกเพราะเติบโตมากับเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ

ข้อมูลอ้างอิง จากเว็บไซต์ contentshifu.com

อาจารย์มัจรี  สุพรรณ

อาจารย์ประจำสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา

บทความก่อนหน้านี้KTIS มอบน้ำดื่ม …
บทความถัดไปผลงานนวัตกรรม ..

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด