31.2 C
Nakhon Sawan
วันศุกร์, ตุลาคม 18, 2024
spot_img

พหุสังคม ของเมืองไทย

สังคมพหุลักษณ์หรือพหุสังคม [Plural Society] หมายถึงกลุ่มสังคมที่แยกย่อยออกเป็นกลุ่มภาษา กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มศาสนาหรือเชื้อชาติต่างๆ และกลุ่มชุมชน ซึ่งเป็นคำเดียวกับ Multicultural society หรือ สังคมหลากวัฒนธรรมที่นำมาใช้กับรัฐที่มีความแตกต่างหลากหลายอย่างในสหรัฐอเมริกา ซึ่งแนวคิดแบบ Multiculturalismนี้เป็นการมองความหลากหลายด้านวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ในสังคมเป็นเกณฑ์

แต่…พหุสังคมที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ ไม่ได้ลึกซึ้งตามตำราที่เล่าเรียนกัน ผมตั้งใจจะเขียนเพื่อแยกให้เห็นว่าสังคมบ้านๆแบบเราๆนั้น มันมีคนที่ชอบและสนใจเรื่องต่างๆที่แตกต่างกัน

ในความแตกต่างนั้นถ้ามองในความขัดแย้ง  ก็จะเป็นเหตุที่ทำให้คนที่สนใจคนที่ชอบต่างกัน ก็จะขัดแย้งกัน

ในเวลาเดียวกันถ้ามองอีกมุมหนึ่งว่า สิ่งที่คนในสังคมเราสนใจและมีความชื่นชอบที่แตกต่างกัน  ก็เป็นความสวยงามของสังคม  เพราะเมื่อชอบต่างกันสนใจต่างกันแต่ต้องมาอยู่ร่วมกัน มันก็ทำให้มีมุมมองที่สามารถนำมาประสานกันหลอมรวมกัน ทำให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนา

อย่างน้อยๆก็เป็นการป้องกันเหตุ ที่จะมาทำให้การพัฒนาก้าวหน้าไปไม่ได้

แต่ก็นั่นแหละ  มันยังขึ้นกับคุณธรรมจริยธรรมของคนต่างความชอบต่างความคิดสนใจในเรื่องนั้นๆ จะยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างกันได้หรือไม่ ? มากน้อยแค่ไหน ?

มันเป็นธรรมชาติที่คนเราต้องมีความขัดแย้งกัน เพราะถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน มีความเชื่อความศรัทธาที่ต่างกัน และมีประสบการณ์ที่ต่างกัน

ถ้าเราเข้าใจเรื่องที่ผมกล่าวมานั้น  คนเราก็จะอยู่ร่วมกันได้ ให้อภัยในความแตกต่างกันได้

ซึ่งก็เป็นเรื่องยาก

ดังนั้นจึงต้องมีเครื่องมือที่จะมาช่วยลดความแตกต่าง ลดความเห็นแก่ตัวของแต่ละคน นั่นก็คือ… “ศาสนา” ที่มีคำสอนจากศาสดาของแต่ละศาสนาแต่ละลัทธิมาเป็นข้อคิดข้ออ้างอิงว่า… “อะไรถูก อะไรผิด” ออกมาให้ยึดถือปฏิบัติ หรืออาจกล่าวได้ว่าเอามาเป็นบรรทัดฐานเพื่อจะบอกว่าใครเป็นคนดี ใครเป็นคนชั่วคนเลวของสังคม ออกมาเป็นตัวบทกฎหมาย

ครับ…ร่ายมาเสียยืดยาว ก็เพียงจะบอกว่าวันนี้ผมจะพูดเรื่องอะไร เพราะอะไรถึงต้องมาพูดเรื่องนี้

ถ้าสังเกตก็จะเห็นว่าคนในสังคมที่อยู่รอบๆตัวเราก็สนใจกันไปตามความชอบ ความเชื่อ ความศรัทธา ที่แตกต่างกันในการดำรงชีวิตที่ต้องทำงานหรืออยู่ร่วมกัน  เช่น

คนบางคนบางกลุ่มสนใจเรื่องเศรษฐกิจ ตื่นเช้ามาก็จะสนใจราคาหุ้นว่าขึ้นหรือลง ราคาทองคำ ราคาน้ำมัน ค่าเงินแข็งหรืออ่อน อัตราเงินเฟ้อ  อัตราดอกเบี้ย นี่ก็พวกหนึ่ง

คนบางคนบางกลุ่มก็สนใจเรื่องการบ้านการเมือง พรรคไหนเป็นอย่างไร ใครรวมกับใคร ใครได้เป็นรัฐบาล ใครโกงกินเงินแผ่นดิน ใครได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงาน นี่ก็พวกหนึ่ง

คนบางคนบางกลุ่มก็สนใจเรื่องข่าวขยะ ตื่นเช้ามาก็เปิดดูทีวี ที่เสนอข่าวข่มขืนกัน เมียน้อยเมียหลวงหึงหวงฆ่าฟันกัน ชู้ฆ่ากัน พวกเสพยาเสพติดคลั่งไล่ฆ่าคน พวกหัวขโมยลักเล็กขโมยน้อย ข่าวประเภท…ตีหัวหมาด่าแม่เจ๊ก  นี่ก็พวกหนึ่ง

คนบางคนบางกลุ่มก็สนใจ เรื่องเครื่องรางของขลัง พวกอยากรวยทางลัดรวยเร็วๆโดยไม่ต้องทำงานหนัก หรืออาจเรียกว่าพวกสายมูคือมูเตลู พวกเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ตื่นเช้ามาก็อาจจะนั่งตีเลขหาเลขไปซื้อหวย  นี่ก็อีกพวกหนึ่ง

ฯลฯ เอาแค่นี้พอ

ในเมื่อคนเราชอบต่างกัน สนใจต่างกัน  แต่ต้องมาอยู่ในสังคมร่วมกัน แล้วทุกคนยอมรับถึงความชอบความสนใจของคนอื่นได้ว่าเขาก็คือเขา  เราก็คือเรา

ความขัดแย้งมันก็ลดลงได้และเป็นความสวยงามของสังคม เพราะมันจะทำให้เราพัฒนาไปข้างหน้าได้ เป็นการหลอมรวมศักยภาพที่ต่างกันให้มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

เหมือนเราเรียนนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์  เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ เราก็เชี่ยวชาญในสาขาวิชาการที่ต่างกัน เมื่อมาทำงานร่วมกันเราก็ช่วยกันมองคนละด้าน องค์กรของเราก็จะมั่นคงก้าวหน้าพัฒนาได้ดี เพราะเรามีคนรู้หลายศาสตร์ แต่มาร่วมมือกันทำงาน

ดังนั้น…ตื่นเช้ามาทุกวัน เราก็พยายามศึกษาเรื่องที่เรารัก เราชอบให้เข้าใจลึกซึ้ง พอออกจากบ้านไปเจอเพื่อนร่วมงานเราก็แลกเปลี่ยนในความรู้ที่ต่างคนต่างมี มันก็จะคุยกันสนุก

ที่เขียนมาทั้งหมด มันเป็นความฝัน ว่าคนในสังคมมันน่าจะเป็นแบบนี้ เป็นพหุสังคมที่สวยงาม

การทะเลาะเบาะแว้งมันก็จะได้ลดลง ตื่นเช้ามาก็อยากออกไปทำงาน เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็จะได้ไปพบสิ่งที่ดีทั้งในที่ทำงานทั้งในสังคมรอบด้านตัวเรา

ใกล้สิ้นปี เข้ามาทุกเดือนแล้ว ลองเอาเรื่องที่ผมเขียนวันนี้ไปพิจารณากันสักเรื่องหนึ่งนะครับแฟนๆ

………………………………………

บทความก่อนหน้านี้
บทความถัดไป

ติดตามเราที่

149แฟนคลับชอบ
spot_img

ข่าวลาสุด